ทำบุญล้างบาปได้ไหม

ทำบุญล้างบาปได้ไหม
หลายคนคิดว่า การทำบุญจะช่วยล้างบาปได้ อันนี้ต้องคิดใหม่ ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่นะครับ
เข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน ทำบุญล้างบาปไม่ได้นะ แต่ถ้าจะทำบุญด้วยการล้างบาตรให้พระก็พอได้อยู่
พุทธศาสนาสอนเรื่องกรรม ไม่ได้สอนเรื่องการล้างบาป
“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” นั่นคือคำสอนในพุทธศาสนา ทำอย่างไรไว้ก็จะได้อย่างนั้นแหละ เอาน้ำไปต้มก็ได้น้ำร้อน เอาน้ำไปแช่ตู้เย็นก็ได้น้ำเย็น กรรมที่เราทำไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม มันจะตามให้ผลกับเราทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น
กรรมก็เหมือนเงาของเราเองนั่นแหละ ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน เงาก็ตามเราไปทุกที่ ที่สำคัญคือ มันตามเราทันตลอด เราเดินมันก็เดิน เราวิ่งมันก็วิ่ง เพราะฉะนั้น มันจึงตามเราทันทุกฝีก้าว
กรรมก็เหมือนกัน มันตามเราทันแน่นอน อย่าไปหวังว่ามันจะตามเราไม่ทัน และอย่าไปหวังว่าเราจะหนีมันพ้น กรรมมันไม่ได้เซ่อและไม่ได้เฉื่อยเหมือนปลาบู่นะครับ
ทีนี้ บางคนคิดว่า การทำบุญจะช่วยล้างบาปได้ หรือทำบุญเยอะ ๆ แล้วบาปจะหมดไป อันนี้เป็นความคิดที่ผิด ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ บุญล้างบาปไม่ได้นะครับ และในทางตรงกันข้าม บาปก็ล้างบุญไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าทำบุญหรือทำบาปไว้ ก็ต้องได้รับผลทั้งหมดไม่มียกเว้น
แต่มันก็เจือจางกันได้อยู่ คือผ่อนหนักให้เป็นเบาได้อยู่ เช่น ถ้าเราเคยทำบาปไว้แต่ไม่มาก แล้วเรามาทำบุญทำกุศลมากเข้า ๆ มันก็สามารถทำให้บาปนั้นเบาลงได้อยู่เหมือนกัน แต่บาปนั้นไม่ได้หายไปไหนนะครับ บาปมันยังเหลืออยู่เท่าเดิม แต่กำลังของบาปมันน้อยกว่าบุญ มันก็ให้ผลได้ไม่เต็มที่ แค่นั้นเอง นี่คือลักษณะของการเจือจางกันระหว่างบุญกับบาป

เหมือนน้ำเปล่ากับเกลือนี่แหละครับ
สมมุติว่า เกลือคือบาป และน้ำเปล่าคือบุญ
ถ้าเรามีถังอยู่ใบหนึ่ง เราเทเกลือลงไปสักหนึ่งแก้ว แล้วก็เทน้ำเปล่าลงไปหนึ่งแก้วเท่ากัน น้ำเปล่ากับเกลือในถังนั้นมีปริมาณเท่ากัน ถ้าเรามาตักน้ำในถังนั้นดื่ม เราก็จะได้ดื่มน้ำที่ปนกับเกลือ มันจะเป็นน้ำที่เค็มมาก เปรียบเหมือนกับบุญและบาปที่ให้ผลเท่า ๆ กัน
แต่ถ้าเราเทน้ำเปล่าลงไป ๑๐ แก้ว น้ำเปล่าก็จะมีปริมาณเยอะกว่าเกลือซึ่งมีปริมาณแค่หนึ่งแก้ว เวลาเราตักน้ำในถังมาดื่ม เราก็จะได้ดื่มน้ำที่ปนกับเกลือเหมือนเดิมแหละ แต่ความเค็มมันจะลดลง เปรียบเหมือนกับบุญที่ให้ผลได้มากกว่าบาป
ยิ่งเราเทน้ำลงไปในถังมากเท่าไหร่ ความเค็มของเกลือก็จะถูกเจือจางมากเท่านั้น คือรสเค็มจะน้อยลงตามลำดับ เวลาเราตักน้ำในถังมาดื่ม เราก็จะได้ดื่มน้ำที่ปนไปด้วยเกลือเหมือนเดิม แต่รสเค็มมันก็จะน้อยลง อาจจะถึงขั้นไม่มีรสเค็มเลยก็ได้ ถ้าน้ำมีปริมาณมากพอ
แต่เกลือมันไม่ได้หายไปไหนนะครับ ปริมาณของเกลือในถังมันก็เท่าเดิมนั่นแหละ เพียงแต่ว่า น้ำเปล่ามันเยอะกว่า ก็เท่านั้นเอง
บุญกับบาปก็เหมือนกัน มันสามารถเจือจางกันได้ในลักษณะดังกล่าว ขึ้นอยู่กับว่า อะไรจะมากกว่ากัน

เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เราต้องรับทั้งผลของบุญและบาปนั่นแหละ ถ้ามีความสุขมากกว่าความทุกข์ นั่นคือบุญให้ผลมากกว่าบาป ถ้ามีความทุกข์มากกว่าความสุข นั่นคือบาปให้ผลมากกว่าบุญ
เราไม่รู้หรอกว่า ในอดีตเราได้สร้างบาปไว้มากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้แน่ ๆ ก็คือ ในปัจจุบันเราสามารถทำบุญได้มากแค่ไหน ดังนั้น ตั้งหน้าตั้งตาสร้างบุญสร้างกุศลให้มาก ๆ นะครับ บุญจะได้มีกำลังมากกว่าบาป บุญจะได้ให้ผลได้เต็มที่ จะได้ไม่ต้องมานั่งโอดครวญในภายหลัง
ถึงแม้ว่าบาปเก่าเราอาจจะไม่มีเลย แต่การสร้างบุญสร้างกุศลก็ไม่มีอะไรเสียหาย ไม่มีขาดทุน มีแต่กำไร กำไรของการสร้างบุญกุศลก็คือความสุขนั่นเอง ลองคิดดูนะครับ