ดวงดี vs ดวงซวย

ดวงดี vs ดวงซวย
เคยไปดูดวงไหมครับ เคยถูกหมอดูทักไหมว่า ช่วงนี้ดวงไม่ดีนะ ให้แก้ด้วยการไปทำบุญ ๕ วัด ๗ วัด ๙ วัด อะไรทำนองนี้
คนที่ชอบดูดวงคงเคยโดนหมอดูแนะนำอย่างนี้บ่อย ๆ ใช่ไหมครับ
แล้วทำไมเขาต้องแนะนำให้ไปทำบุญหลายวัดขนาดนั้น ทำวัดเดียวไม่ได้เหรอ หรืออย่างไร
แล้วการทำบุญนี่มันจะทำให้ดวงดีขึ้นเหรอ แล้วดวงดีมันเกิดจากอะไร ดวงซวยมันเกิดจากอะไร เคยสงสัยไหมครับ
คืออย่างนี้นะครับ พุทธศาสนาสอนเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรม
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” นี่คือคำสอนของพุทธศาสนา
เราทำกรรมดีไว้ เราจะได้ผลดีตอบแทน การให้ผลของกรรมดีนั่นแหละคือเหตุการณ์ที่เราเรียกว่า ดวงดี
แต่ถ้าเราทำกรรมชั่วไว้ เราก็จะได้ผลที่ไม่ดีตอบแทน การให้ผลของกรรมชั่วนั่นแหละคือเหตุการณ์ที่เราเรียกว่า ดวงซวย
เพราะฉะนั้น ดวงดี ก็คือกรรมดีให้ผล ดวงซวยหรือดวงไม่ดี ก็คือกรรมชั่วให้ผลนั่นเอง
ทีนี้คิดได้หรือยังครับว่า เราควรริเริ่มสร้างบุญสร้างกุศลให้เป็นนิสัยด้วยตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องรอให้หมอดูหรือใครมาบอก ไม่ต้องไปดูดวงแล้ว ไปดูดวงทีไรเขาก็ไล่เราไปถวายสังฆทานบ้าง ปล่อยนกปล่อยปลาบ้าง ตามเรื่องตามราว ใช่ไหมครับ เรื่องแค่นี้ต้องรอให้ใครบอกด้วยเหรอ เรื่องทำบุญเนี่ย เราควรคิดเองทำเองได้แล้ว
ถ้าเราทำบุญอยู่เป็นประจำ สร้างคุณงามความดีอยู่ตลอด ก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะเจอเรื่องไม่ดีหรือที่เรียกว่าดวงซวย เพราะเราสร้างแต่กรรมดี แล้วกรรมชั่วที่ไหนจะมาให้ผลกับเรา กรรมชั่วที่ไหนจะมาทำให้เราซวย
เว้นไว้แต่กรรมเก่าจะให้ผลนะครับ อันนี้ก็เป็นเรื่องสุดวิสัย ถ้ากรรมเก่าที่เราเคยทำไว้ในอดีตที่เป็นส่วนของกรรมชั่วจะให้ผล ทำให้เราต้องประสบพบเจอกับเรื่องราวแย่ ๆ ในชีวิตบ้าง ก็เป็นเรื่องที่เราเองจะต้องยอมรับและทำความเข้าใจ เพราะมันเป็นการให้ผลของกรรม หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราหมั่นสร้างสมอบรมคุณงามความดีเอาไว้ให้มาก ๆ ทำบุญทำกุศลอยู่ตลอด เมื่อบุญกุศลนั้นมากพอ มันก็สามารถที่จะไปเจือจางบาปกรรมเก่า ๆ ให้เบาบางลงได้บ้าง สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้อยู่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น บุญกุศลคุณงามความดีนี่เป็นสิ่งที่ควรทำจริง ๆ และควรทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำเลยครับ ริเริ่มด้วยตัวเองเลย ไม่ต้องรอให้หมอดูมาทัก ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก โต ๆ กันแล้ว คิดเองทำเองได้แล้ว ลองคิดดูนะครับ