เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

เอาน้ำที่ไม่สะอาดล้างของที่ไม่สะอาด มันจะสะอาดอะไร มีแต่จะเพิ่มความสกปรกให้มากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ข้อนี้ฉันใด การแก้แค้นก็ไม่ช่วยให้เวรระงับได้ มีแต่จะเป็นการต่อเวรต่อกรรมให้ยืดยาวออกไป ฉันนั้นนั้นเหมือนกัน

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราได้ตรัสไว้ว่า

น หิ เวเรน เวรานิ………..สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ.
อเวเรน จ สมฺมนฺติ……เอส ธมฺโม สนนฺตโน.

“ในกาลไหนๆ เวรทั้งหลายในโลกนี้ ย่อมไม่ระงับด้วยเวรเลย ก็แต่ย่อมระงับได้ด้วยความไม่มีเวร ธรรมนี้เป็นของเก่า”

เนื้อความก็มีความชัดเจนอยู่ในตัวอยู่แล้วนะครับ หากมีใครมาทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่พอใจ หรือทำความเสียหายอะไรให้เราก็แล้วแต่ ก็ให้ถือเสียว่าเป็นกรรมเก่าของเรา การที่เราโดนกระทำให้เสียหาย หรือให้เจ็บช้ำใดๆ ก็ตาม นั่นเป็นผลแห่งบาปเก่าที่เราได้เคยทำไว้ตามมาให้ผล หรือเราอาจเคยไปทำเขาไว้ก่อนนั่นเอง

บางทีเราอาจจะคิดว่า “เฮ้ย นี่แกมาทำฉันทำไม ฉันไม่ได้ทำอะไรให้แกเจ็บช้ำน้ำใจสักหน่อย” ซึ่งมันก็จริงแหละครับ ณ ปัจจุบันขณะนั้น หรือในชาตินี้ทั้งชาติ เราอาจไม่เคยทำอะไรเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย แต่อยู่ๆ เขาก็มาทำความเสียหายให้เรา ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม

เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเรามีแต่คิดว่า ฉันไม่เคยทำอะไรคุณ คุณมาทำฉันก่อนทำไม เช่นนี้ แล้วก็จองเวรจองกรรมกันต่อไปไม่หยุด ตามราวีกันไม่หยุด เขาทำเราแล้วเราก็ตามเอาคืน เมื่อเราเอาคืนเขาก็ตามมาเอาคืนอีก แล้วเราก็จะตามไปเอาคืนอีก เป็นอยู่อย่างนี้ คิดดูสิว่า เมื่อไหร่จะจบ

เหมือนเอาขี้ล้างขี้ เอาเยี่ยวล้างเยี่ยว คิดดูสิว่า มันจะสะอาดไหม เปล่าเลย กลับมีแต่สิ่งปฏิกูลโสโครกทับถมกันขึ้น สกปรกเป็นสองเท่า เหม็นเป็นสองเท่า แต่หากเอาน้ำสะอาดล้างขี้ เอาน้ำสะอาดล้างเยี่ยว มันก็จะสะอาดขึ้นๆ แล้วก็หายเหม็น จริงไหมครับ

เวรก็เช่นกัน ท่านให้กำจัดมันด้วยขันติคือความอดทน และเมตตาคือความปรารถนาดีต่อกัน ลองดูนะครับ ใครมีขันติมาก มีเมตตามาก ก็จะชำระเวรได้ไว ทำให้เวรหมดไปได้ไวครับ.

You may also like...