อบายมุข ทางแห่งความเสื่อม ๔ ประการ

อบายมุข ทางแห่งความเสื่อม ๔ ประการ
“อบายมุข” คำนี้มาจากคำบาลี แปลว่า ทางแห่งความเสื่อม หรือปากแห่งความเสื่อม นั่นก็หมายความว่า สิ่งที่เป็นอบายมุข หากผู้ใดคลุกคลี กระทำ ส้องเสพ ย่อมจะนำไปสู่ความเสื่อมอย่างไม่ต้องสงสัย ในที่นี้มี 4 ประการ คือ
1. ความเป็นนักเลงหญิง
ความเป็นนักเลงหญิง ได้แก่ ชายที่มากไปด้วยความกำหนัดกลัดกลุ้ม ถูกไฟราคะสุมทรวงอยู่ร่ำไป ชอบทำตัวเป็นเพลย์บอย มากรัก หลายชู้ เปลี่ยนคู่ไปเรื่อย ไม่มีความจริงใจให้สตรีใด คบค้าสมาคมกับสตรีนางใดก็เพียงเพื่อความสนุก หวังจะเสพกามเพียงชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็เปลี่ยนไปหาคนใหม่อยู่ร่ำไป อาจจะทำกับผู้หญิงทั่วๆไปบ้าง
หรือไปเที่ยวกลางคืนเที่ยวซ่องเที่ยวโสเภณี หรือหนักๆ เข้า อาจจะถึงขั้นข่มขืนกระทำชำเรา หรือแม้แต่ผู้หญิงที่ไม่รักนวลสงวนตัว พลีกายให้ชายไปทั่ว รักสนุกเล่นสนุกไปวัน ๆ ก็สงเคราะห์เข้าในข้อนี้ด้วยดุจกัน คนประเภทนี้ย่อมมีแต่บ่ายหน้าสู่ความเสื่อมถ่ายเดียว เสื่อมจากคุณงามความดี เสื่อมทรัพย์ เสื่อมเกียรติ เสื่อมสารพัดเสื่อม
2. ความเป็นนักเลงสุรา
ความเป็นนักเลงสุรา อันนี้ก็ต้องอธิบายเพิ่มเติมนิดหน่อยว่า สมัยก่อนโน้น พวกยาบ้ายาเสพติดต่าง ๆ ไม่มี ที่จะมีก็พวกสุราเมรัย ท่านจึงกล่าวว่า ความเป็นนักเลงสุรานั้นเป็นอบายมุข แต่เมื่อมุ่งถึงเจตนาจริงๆแล้ว ท่านหมายเอาของมึนเมาทุกอย่างที่ดื่มหรือเสพเข้าไปแล้วทำให้ขาดสติสัมปชัญญะ ขาดความนึกได้หมายรู้ ขาดความยับยั้งชั่งใจ จนกระทั่งขาดความเป็นคนไป
ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า ยาบ้ายาเสพติดอื่น ๆ ที่มีระบาดอยู่ในปัจจุบันนี้ก็จัดเข้าในข้อนี้เช่นกัน บุคคลที่หลงจมปรักอยู่กับของเหล่านี้ย่อมเสื่อมทรัพย์ในเบื้องต้น ตามด้วยเสื่อมเกียรติ เสื่อมศักดิ์ศรี เสื่อมจากกัลยาณมิตร เป็นต้น
3. ความเป็นนักเลงการพนัน
ความเป็นนักเลงการพนัน อันนี้ทางบ้านเมืองเขาก็ปราบปรามกันอยู่ เพราะเป็นการมอมเมาประชาชนให้หลงงมงายอยู่กับสิ่งที่ไม่มีแก่นสารสาระ สร้างความเสื่อเสียความทุกข์ยากลำบาก สร้างหนี้สร้างสินให้คนมามากต่อมาก
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องล่มจมเพราะการพนัน เป็นหนี้เป็นสินเพราะการพนัน สุดท้ายหาทางออกไม่ได้ก็ต้องฆ่าตัวตายไป ทิ้งปัญหาทิ้งภาระไว้ให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือครอบครัวต้องรับเคราะห์แทนตน ก็เพราะหลงไปยึดไปติดอยู่กับการพนันขันต่อนั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าการพนันนั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม

4. การคบเพื่อนชั่ว
การคบเพื่อนชั่ว การคบเพื่อนชั่วนั้นถือว่าเป็นทางแห่งความเสื่อมประการหนึ่ง เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เสียคน หลงเดินทางผิดจนกู่ไม่กลับ สุดท้ายก็เสียการเสียงานเสียเงินเสียคนเสียของรักเสียคนรักเสียครอบครัวไป เพราะไม่รู้จักเลือกคบคนแล้ว ถ้าเลือกผิดไปคบคนที่ไม่ดี ก็ย่อมจะมีโอกาสสูงที่จะถูกคนที่ไม่ดีเพื่อนที่ไม่ดีนั้นชักชวนไปในทางที่ชั่ว ชักชวนไปทำอะไรที่เป็นความเสื่อมเสีย ผิดกฎหมายบ้านเมือง ผิดศีลธรรมจรรยา
โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นในปัจจุบันนี้ การคบเพื่อนนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ เพื่อนจะมีอิทธิพลกับเยาวชนของเรามาก บางคนถึงขั้นเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ตนเองก็มี เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเลือกคบเพื่อนผิด ก็ย่อมจะมีโอกาสสูงที่จะถูกชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย ดังสุภาษิตที่ว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” เพราะฉะนั้นท่านจึงกล่าวว่า การคบเพื่อนชั่วนั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม
ทั้ง 4 ประการดังกล่าวมาข้างต้นนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นอบายมุขคือทางแห่งความเสื่อมทั้งนั้น ยังไม่จำต้องกล่าวถึงเบื้องหน้าแต่ตายไป เพราะสิ่งเหล่านี้ เสื่อมทันตาเห็น เลยทีเดียว.